อุมมาปุปผิยเถราปทานที่ 5 (445)ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกผักตบ[3] ครั้น เมื่อต้นไทรอันเป็นไม้โพธิ- พฤกษ์ งอกงามสีเขียวขจี เราได้เอาดอกผักตบ มาบูชาไม้โพธิพฤกษ์ ในกัปนี้เอง เราได้บูชาโพธิพฤกษ์ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผล แห่งการบูชาไม้โพธิพฤกษ์ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระอุมมาปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล. จบอุมมาปุปผิยเถราปทาน อัมพาฏกิยเถราปทานที่ 6 (446)ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกมะกอก[36] พระมุนีพระนามว่าเวสสภูผู้อภิ- ชาติ เสด็จเข้าไปสู่ป่ารังซึ่งมีดอกบานสะพรั่ง ประทับอยู่ที่ซอกเขา เหมือนไกรสรสีหราชฉะนั้น เรามีจิตผ่องใสโสมนัส เลื่อมใสได้เอา ดอกมะกอกบูชาพระมหาวีรเจ้า ผู้เป็นบุญเขตด้วย มือทั้งสองของตน ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้ เราได้บูชาด้วย สีหาสนิกเถราปทานที่ 7 (443)ว่าด้วยผลแห่งการถวายอาสนะทอง[37] เรามีจิตเลื่อมใสมีใจโสมนัส ได้ ถวายอาสนะทองแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้แสวงหาประโยชน์แด่สรรพสัตว์ เราอยู่ในโลกใดๆ คือ ในเทวโลกหรือ มนุษยโลก ในโลกนั้น ๆ เราได้วิมาน อันไพบูลย์ นี้เป็นผลของอาสนะทอง บัลลังก์อันสำเร็จด้วยทองและเงิน สำเร็จ ด้วยแก้วปทุมราช และสำเร็จด้วยแก้วมณี เกิด แก่เรามากมาย ในกาลทุกเมื่อ |